เปรียบเทียบพื้นพียู (PU Floor) กับพื้นอีพ็อกซี่แบบละเอียด ทั้งความทนทาน อายุการใช้งาน ราคา และความเหมาะสมกับโรงงานแต่ละประเภท ช่วยให้เลือกพื้นโรงงานได้ตรงงาน ไม่เสียเงินซ้ำซ้อน

ทำไมเจ้าของโรงงานส่วนใหญ่ลังเลระหว่าง “พื้นพียู” กับ “พื้นอีพ็อกซี่”

หนึ่งในคำถามที่เจ้าของโรงงานถามผู้รับเหมาบ่อยที่สุดคือ
“ควรเลือกพื้นพียู หรือพื้นอีพ็อกซี่ดี?”

ทั้งสองระบบเป็นพื้นอุตสาหกรรมที่ได้รับความนิยมสูง และมีลักษณะภายนอกคล้ายกัน คือเป็นพื้นเรียบ ไร้รอยต่อ ดูสะอาดและทันสมัย แต่ในความเป็นจริง คุณสมบัติ การใช้งาน และอายุการใช้งานแตกต่างกันอย่างชัดเจน

การเลือกผิดประเภทอาจทำให้

  • พื้นเสื่อมเร็ว

  • เกิดรอยแตกร้าว

  • ต้องรื้อทำใหม่ก่อนเวลา

  • เสียต้นทุนซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น

บทความนี้จะช่วยอธิบายแบบตรงไปตรงมาในมุมของ “ผู้รับเหมาพื้นโรงงาน” เพื่อให้คุณเลือกพื้นได้เหมาะกับการใช้งานจริงที่สุด

พื้นพียู (PU Floor) คืออะไร (สรุปสั้น)

พื้นพียู หรือ Polyurethane Floor เป็นระบบพื้นที่มี ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นสูง
เหมาะกับโรงงานที่ใช้งานหนัก มีความร้อน ความชื้น และสารเคมี

จุดเด่นคือ

  • ทนความร้อนสูง

  • ทนการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ

  • ไม่แตกร้าวง่าย

  • อายุการใช้งานยาว

พื้นอีพ็อกซี่ (Epoxy Floor) คืออะไร

พื้นอีพ็อกซี่เป็นระบบพื้นเคลือบเรซินที่ให้ผิวเรียบ แข็ง และเงางาม
เหมาะกับพื้นที่ใช้งานเบาถึงปานกลาง และต้องการความสวยงาม

จุดเด่นคือ

  • ราคาย่อมเยา

  • งานติดตั้งเร็ว

  • ผิวเรียบ ทำความสะอาดง่าย

  • เหมาะกับคลังสินค้า โชว์รูม หรือพื้นที่แห้ง

เปรียบเทียบพื้นพียู vs พื้นอีพ็อกซี่ แบบเข้าใจง่าย

ความแข็งแรงและความยืดหยุ่น

  • พื้นพียู: แข็งแรงแต่ยืดหยุ่น รับแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนได้ดี

  • พื้นอีพ็อกซี่: แข็งแต่เปราะ หากมีแรงกระแทกหรือพื้นขยับ อาจแตกร้าวได้

โรงงานที่มีเครื่องจักรหนัก → พื้นพียูเหมาะกว่า

ความทนความร้อน

  • พื้นพียู: ทนความร้อนและน้ำร้อนได้ดีมาก

  • พื้นอีพ็อกซี่: ไม่เหมาะกับน้ำร้อนหรือไอน้ำ

โรงงานอาหาร / ครัวกลาง → ควรเลือกพื้นพียู

ความทนสารเคมี

  • พื้นพียู: ทนสารเคมีหลากหลายชนิดในระดับอุตสาหกรรม

  • พื้นอีพ็อกซี่: ทนสารเคมีได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานหนักต่อเนื่อง

ความชื้นและน้ำ

  • พื้นพียู: เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้น มีน้ำตลอดเวลา

  • พื้นอีพ็อกซี่: ไม่เหมาะกับพื้นชื้น อาจเกิดการหลุดล่อน

อายุการใช้งาน

  • พื้นพียู: 10–15 ปี หรือมากกว่า

  • พื้นอีพ็อกซี่: 3–7 ปี (ขึ้นกับการใช้งาน)

งบประมาณ

  • พื้นพียู: ราคาสูงกว่าในช่วงเริ่มต้น

  • พื้นอีพ็อกซี่: ราคาประหยัดกว่า

แต่ในระยะยาว พื้นพียูมัก “คุ้มกว่า” เพราะไม่ต้องซ่อมบ่อย

เลือกพื้นแบบไหนให้เหมาะกับโรงงานของคุณ

พื้นพียู (PU Floor)  เลือกแบบไหนเหมาะกับโรงงานคุณที่สุด

เลือก “พื้นพียู” หากโรงงานของคุณ

  • ใช้งานหนักต่อเนื่อง

  • มีน้ำ ความชื้น หรือไอน้ำ

  • ล้างพื้นด้วยน้ำร้อน

  • ต้องการมาตรฐาน GMP / HACCP

  • ไม่อยากรื้อพื้นบ่อยในอนาคต

เลือก “พื้นอีพ็อกซี่” หากพื้นที่ของคุณ

  • ใช้งานเบาถึงปานกลาง

  • พื้นที่แห้ง ไม่มีน้ำร้อน

  • ต้องการความสวยงาม

  • มีงบประมาณจำกัด

มุมมองจากผู้รับเหมาพื้นโรงงานโดยตรง

จากประสบการณ์หน้างานจริง
ลูกค้าหลายรายที่เลือกพื้นอีพ็อกซี่ในพื้นที่ที่ควรใช้พื้นพียู
มักต้องกลับมา “รื้อทำใหม่” ภายในไม่กี่ปี

ในขณะที่โรงงานที่เลือกพื้นพียูตั้งแต่แรก
แม้ลงทุนสูงกว่า แต่ใช้งานได้ยาว ไม่มีปัญหาจุกจิก
และไม่กระทบไลน์ผลิตในระยะยาว

สรุป: พื้นพียูหรือพื้นอีพ็อกซี่ แบบไหนดีกว่า?

ไม่มีคำตอบว่าแบบไหน “ดีที่สุด”
แต่มีคำตอบว่าแบบไหน “เหมาะกับงานของคุณที่สุด”

หากคุณต้องการความทนทาน อายุการใช้งานยาว และลดความเสี่ยงในอนาคต
พื้นพียู คือคำตอบ

หากต้องการประหยัดงบ และใช้งานไม่หนัก
พื้นอีพ็อกซี่ ก็เพียงพอ

การเลือกพื้นให้ถูกตั้งแต่แรก คือการประหยัดต้นทุนที่ดีที่สุดของโรงงาน