การเลือกสายไฮดรอลิคที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:
- ขนาด (Size): เลือกสายที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (ID) และภายนอก (OD) ที่เหมาะสมกับอัตราการไหลของของเหลวในระบบ เส้นผ่านศูนย์กลางภายในที่เล็กเกินไปอาจทำให้เกิดแรงเสียดทานและความร้อนสูงขึ้นอุณหภูมิ (Temperature): ตรวจสอบว่าสายสามารถทนต่ออุณหภูมิของของเหลวและสภาพแวดล้อมการทำงานได้ สายไฮดรอลิคทั่วไปควรรับอุณหภูมิของของเหลวระหว่าง -40°C ถึง +120°C หากอุณหภูมิสูงกว่านี้ ควรพิจารณาใช้สายที่ทำจากวัสดุที่ทนความร้อนสูง เช่น เทฟลอนหรือสแตนเลสการใช้งาน (Application): พิจารณาลักษณะการใช้งาน เช่น รัศมีการโค้งงอขั้นต่ำ การเสียดสี และน้ำหนักของสาย สายที่บางกว่าจะโค้งงอได้ง่ายและเหมาะกับพื้นที่แคบ แต่ต้องมั่นใจว่ายังมีความทนทานเพียงพอ
วัสดุ (Material): เลือกวัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนของของเหลวที่ไหลผ่านสาย วัสดุภายในของสายควรทนต่อสารเคมีและสภาพแวดล้อมการทำงาน เพื่อป้องกันการรั่วซึมและยืดอายุการใช้งาน
ความดัน (Pressure): ตรวจสอบว่าสายสามารถทนต่อแรงดันของระบบได้ ควรเลือกสายที่มีพิกัดแรงดันใช้งานสูงกว่าแรงดันของระบบไฮดรอลิค เพื่อป้องกันการแตกหรือรั่วซึม
ข้อต่อ (Ends): เลือกข้อต่อที่เหมาะสมกับสายและการใช้งาน ข้อต่อควรมีความแข็งแรง ทนทานต่ออุณหภูมิ และเข้ากันได้กับของเหลวที่ใช้ วัสดุของข้อต่อ เช่น ทองเหลือง เหล็กกล้าไร้สนิม หรือสแตนเลส ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน
นอกจากนี้ ควรตรวจสอบคุณภาพของสายไฮดรอลิคก่อนการใช้งาน โดยดูว่ามีรอยแตกร้าว การพับ หัก งอ หรือการเสื่อมสภาพหรือไม่ ควรเลือกซื้อจากผู้ขายที่มีมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการยอมรับ และตรวจสอบว่าสายมีข้อมูลการผลิต ขนาด และแรงดันที่ชัดเจน
การเลือกสายไฮดรอลิคที่เหมาะสมและมีคุณภาพจะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ในระบบไฮดรอลิคของคุณ